จังหวัดปัตตานี

จังหวัดปัตตานี

เมนู

 ของฝากขึ้นชื่อจังหวัดปัตตานี

1.ขนมบดิน

  ขนมบดินมีความพิเศษตรงที่ความนุ่มละมุนของเนื้อขนม ทำให้ละลายในปากได้อย่างง่ายดายบางสูตรยังเติมกลิ่นหอมจากใบเตยหรือดอกมะลิเพื่อเพิ่มเสน่ห์ให้ขนมมีความหอมหวานยิ่งขึ้นขนมชนิดนี้ยังเหมาะสำหรับคนที่ชอบของหวานรสไม่จัดจ้าน แต่มีความหวานพอดีและกลมกล่อม
ด้วยวิธีการทำที่ละเอียดอ่อน จึงต้องใช้ความชำนาญและความพิถีพิถันในการนึ่งขนมให้สุกอย่างพอดีหากนึ่งนานเกินไป ขนมอาจจะแข็งหรือแห้ง แต่ถ้านึ่งไม่พอจะทำให้เนื้อขนมเละและไม่ขึ้นรูปสวยงามขนมบดินจึงเป็นตัวอย่างที่ดีของศิลปะการทำขนมไทยที่ผสมผสานทั้งรสชาติและรูปแบบไว้ด้วยกัน
นอกจากนี้ ขนมบดินยังเป็นขนมที่นิยมใช้ในงานพิธีต่าง ๆ เพื่อแสดงถึงความประณีตและความใส่ใจของผู้ทำในยุคปัจจุบัน ขนมบดินมักถูกนำมาปรับปรุงสูตรและการตกแต่งให้ดูน่ารับประทานแล้วทันสมัยมากขึ้น
แต่ยังคงรักษารสชาติพื้นฐานที่หวานมันจากกะทิและเนื้อขนมนุ่มไว้เหมือนเดิมขนมบดินจึงไม่เพียงแค่เป็นของหวาน แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของวัฒนธรรมและความภาคภูมิใจในงานฝีมือของไทยค่ะ 

2.น้ำบูดู 

  น้ำบูดู เป็นผลิตภัณฑ์พื้นเมืองที่ได้รับความนิยมในภาคใต้ ทำมาจากการหมักปลากับเกลือ
ใช้เวลาในการหมักประมาณ 1 ปี น้ำบูดูเป็นส่วนประกอบหลักที่ใช้ในการทำข้าวยำ ซึ่งเป็นอาหารพื้นเมืองที่สำคัญของภาคใต้ น้ำบูดูจากอำเภอสายบุรีจะเป็นที่ขึ้นชื่อว่าอร่อยมากที่สุดเพราะใช้ปลากะตัก จะมีกลิ่นหอม รสชาติดี และสามารถเก็บไว้ได้นาน ซึ่งมีให้เลือก 2 ชนิดคือ แบบเค็มและแบบหวาน บูดูเป็นของเหลวขุ่นที่เป็นสารแขวนลอย ต้องเขย่าให้เข้ากันเสียก่อนรับประทาน โดยมีกระบวนการผลิตบูดูนั้นเริ่มด้วยการนำปลาทะเลสด ซึ่งอาจจะใช้ปลาชนิดใดก็ได้ บูดูที่มีน้ำบูดูเป็นส่วนใหญ่ตั้งแต่เปิดไห หรือโอ่ง หรือท่อบูดู จะเรียกว่า "บูดูใส" หรือ “บูดูน้ำหนึ่ง” ส่วนน้ำบูดูที่มีเนื้อบูดูที่เหลืออยู่จะนำไปผลิตโดยผสมกับน้ำเกลือเพื่อทำบูดูที่มีคุณภาพรองลงมาเป็น"บูดูข้น" หรือ “บูดูน้ำสอง”และน้ำบูดูที่ยังเหลืออยู่ก็จะผลิตเป็น ”บูดูน้ำสาม” ซึ่งส่วนนี้จะมีก้างปลาอยู่เยอะ เรียกว่า “กากบูดู” โดยส่วนนี้นิยมนำไปปรุงเป็นน้ำบูดูข้าวยำ เพราะเมื่อนำไปต้มปรุงเป็นน้ำบูดูข้าวยำก็จะได้ความหวนจากก้างปลา ผลิตผลิตภัณฑ์น้ำบูดูในปัจจุบันนี้ได้พัฒนาปรุงแต่งแปรรูปพร้อมรับประทาน  

3.ลูกหยีกวน

  ต้นหยีเป็นไม้ยืนต้นชนิดหนึ่ง เมื่อโตเต็มที่จะมีเนื้อไม้สีดำแข็งแกร่ง ขนาดต้นสูง ๕๐– ๑๐๐ฟุต ออกผลเป็นพวงช่อประมาณ ๕๐– ๑๐๐ลูก ตรงส่วนยอดของกิ่งก้านขนาดลูกเส้นผ่าศูนย์กลาง ๑เซนติเมตร ตรงส่วนยอดของกิ่งก้าน เมื่อสุกมีรสเปรี้ยว ๆ หวาน ๆ มีเมล็ดใน ๑เมล็ด ลักษณะแข็ง มีเนื้อนิ่มหุ้มเมล็ด มีเปลือกนอกเปราะเกรียม เมื่อสุกจะมีเปลือกสีเขียวสดต้นหยี มีมากทางภาคใต้ตอนล่าง ภาคกลางเรียกว่า“เขลง” ภาคอีสานเรียกว่า “นางดำ” ภาษามลายูถิ่นปัตตานี เรียกว่า “กรันตี”ต้นหยี ชาวบ้านในพื้นที่ จึงได้นำลูกหยีมาแปรรูป โดยการกวนบ้าง ฉาบด้วยด้วยน้ำตาลบ้างหรือนำมาทำเป็นลูกหยีทรงเครื่อง  

4.ขนมเปียนา

  เปียนา คือ ขนมโบราณชนิดหนึ่งของชาวมลายูที่เชื่อกันว่ามีมานานกว่าร้อยปี ตั้งแต่ยุคลังกาสุกะ เป็นอาหารชาววังเป็นที่ชื่นชอบของเจ้าเมืองในสมัยโบราณ นิยมใช้ในพิธีกรรมต่าง ๆ และในวันโอกาสสำคัญ ๆ มีส่วนประกอบที่สำคัญ คือ แป้งกับไข่ น้ำตาล และใบเตย รสชาติหวานกลมกล่อมอร่อย หอมกลิ่นใบเตย กรอบนอกนุ่มใน ปัจจุบันขนมเปียนายังคงสืบทอดมีขายทั่วไปแต่ไม่มากนัก แต่จะมีขายในช่วงเดือนถือศีลอดของชาวไทยมุสลิม  

5.ขนมโบว์

  ขนมโบว์เป็นขนมไทยโบราณที่มีความงดงามทั้งรูปลักษณ์และรสชาติ มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวด้วยรูปทรงเหมือนโบว์ผูกผมที่ดูประณีตและละเอียดอ่อน ขนมชนิดนี้ทำจากแป้งข้าวเจ้าคุณภาพดีผสมกับน้ำกะทิสด ซึ่งช่วยเพิ่มความหอมมันและความนุ่มนวลของแป้ง การนำขนมไปทอดในน้ำมันร้อนทำให้ได้ขนมที่กรอบนอกนุ่มในและมีสีทองสวยงาม ก่อนเสิร์ฟจะโรยด้วยงาขาวเพิ่มทั้งความหอมและสัมผัสกรุบกรอบที่ลงตัว ขนมโบว์ไม่ได้เป็นเพียงของว่างเท่านั้น แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของวัฒนธรรมไทยและภูมิปัญญาท้องถิ่นที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน มักพบเห็นในงานบุญ งานประเพณี หรืองานเทศกาลต่าง ๆ ที่คนไทยจะนำขนมนี้ไปจัดเตรียมเพื่อเสิร์ฟแก่แขกผู้มาเยือน นอกจากความอร่อยแล้ว ขนมโบว์ยังเป็นตัวแทนของความประณีตและความรักในการทำขนมแบบดั้งเดิมที่ส่งผ่านจากรุ่นสู่รุ่น ถือเป็นขนมที่ช่วยเชื่อมความสัมพันธ์ในครอบครัวและชุมชนให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นค่ะ  

X